ขยะทะเล...อสรพิษที่กำลังคืบคลานเข้ามาพร้อมกับโลกที่กำลังพัฒนา


ยะทะเล...อสรพิษที่กำลังคืบคลานเข้ามาพร้อมกับโลกที่กำลังพัฒนา

                                                                                                                                                                                                  ภาพจาก https://twitter.com/samrujlok/status

         โลกที่พัฒนา เศรษฐกิจที่ก้าวหน้า เทคโนโลยีที่ทันสมัย วิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำ ทุกๆอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่มีการพัฒนา แต่...ปัญหาขยะทะเลนับวันเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น กลางมหาสมุทรเกิดเพขยะขนาดใหญ่ ขยะเหล่านั้นมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกภาคส่วนย่อมรู้ดีว่านั่นคือผลของการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ภัยร้ายที่จะมากับขยะทะเลเหล่านั้น จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อมนุษย์ทั้งสิ้น ตลอดจนสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิตอื่นๆในธรรมชาติ ที่ต้องรับผลกรรมที่ไม่ได้ก่อ สุดท้ายแล้วใครกันที่จะแก้ปัญหาได้ นั่นคือเราทุกคนที่จะต้องช่วยกัน หันมาสนใจ เข้าใจและตระหนักถึงภัยของขยะทะเลที่กำลังส่งผลอยู่ตอนนี้
    
     เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Aquaman เจ้าสมุทร ได้เข้าฉายในประเทศไทยให้มนุษยชาติได้ตระหนักถึงภัยของขยะ  เรื่อง  Aquaman เป็นการเล่าเรื่องการผจญภัยของอาเธอร์ เคอร์รี่ ลูกครึ่งมนุษย์และชาวแอตแลนติส ผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามใต้น้ำอย่างไม่ตั้งใจ เพื่อหยุดการกระทำของคิงออร์ม ราชาแห่งอาณาจักรแอตแลนติสที่ต้องการทำลายล้างมนุษย์ หากดูโดยไม่ได้พิจารณาอะไรมากนัก เป้าหมายและการกระทำของคิงออร์มก็ไม่ได้ต่างจากตัวร้ายในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่ความโกรธของตัวร้ายตัวนี้ที่มีต่อมนุษย์ คือ หนทางในการที่จะปกป้องอาณาจักรใต้ทะเลนี้ให้รอดพ้นจากขยะและมลพิษที่กำลังเป็นภัยคุกคามความเป็นอยู่ของชาวแอตแลนติส

       ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดา การต่อสู้ของ Aquaman กำลังสื่อสารถึงมนุษย์ทุกคนให้หันไปมองยังปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นในท้องทะเลว่าตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามนุษย์ทิ้งอะไรไว้บ้างกับมหาสมุทรนี้ คิงออร์มเชื่อว่าหนทางเดียวคือการกำจัดมนุษยชาติเสียให้หมดสิ้น  เรื่องราวในภาพยนตร์ได้ทำให้มนุษย์เล็งเห็นและตระหนักถึงผลกระทบของปัญหาขยะในทะเล  ที่ตอนนี้กลายเป็นเพขยะขนาดใหญ่อยู่กลางมหาสมุทร

ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าขยะในทะเลมาจากชาวประมงที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งแต่ผศ.ดร.พิชญ รัชฎาวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า   "มีงานวิจัยพบว่า ขยะในทะเล 80% มาจากขยะบนบก ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก ขวดน้ำและเศษอาหาร  มีเพียง 20% ที่มาจากกิจกรรมทางทะเล" 
(อ้างอิงจาก https://sootinclaimon.wordpress.com)

     ขยะพลาสติกคือขยะที่พบว่ามีปริมาณมากที่สุดในปริมาณของขยะทั้งหมด สัตว์ทะเลอย่างเต่าตนุ วาฬ แมวน้ำ ฯลฯ หลงคิดว่าขยะพลาสติกเหล่านั้นคือ แมงกะพรุน อาหารที่พวกมันกินกันเป็นประจำ นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สัตว์ทะเลเหล่านี้ตาย มีข่าวออกมามากมายถึงการตายของสัตว์ทะเล

แมวน้ำติดอวนของชาวประมง
                           ภาพจาก https://www.worldanimalprotection.or.th
             การตายของสัตว์ทะเลนี้ มนุษย์อาจยังไม่ตระหนักถึงพิษภัยของขยะทะเลมากนัก แต่เมื่อมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่าน ผลงานวิจัยต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมาถึงพิษภัยของขยะในทะเลที่ส่งผลโดยตรงต่อมนุษย์นั่นคือไมโครพลาสติก ซึ่งแหล่งที่มามีดังนี้
1.ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ยาสีฟัน สครัปหน้า ครีมกันแดด โฟม ครีมอาบน้ำและผงซักฟอก เป็นต้น (ปัจจุบันได้ห้ามใช้ในหลายๆ ประเทศ) 
2.เกิดมาจากการย่อยสลายหรือแตกตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ พลาสติกที่มีขนาดใหญ่เมื่อไหลลงสู่แม่น้ำและทะเลแล้วจะเกิดการสลายตัวหรือการแตกเป็นชิ้นเล็กๆเกิดขึ้นเมื่อได้รับอิทธิพลจากแสงอุลตราไวโอเล็ตและอุณหภูมิที่สูงจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจนทำให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของพลาสติกและเกิดการแตกตัวเกิดขึ้น
(สรุปจาก https://mgronline.com/travel/detail/9610000053633)

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า "ภัยเงียบจากขยะในทะเลคือ ไมโครพลาสติก ที่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ โดยพลาสติกจะแตกย่อยเป็นปิโตรเคมีและจะเล็กลงเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นแต่ยังคงมีสารเคมีหลงเหลืออยู่ แพลงตอนจะกินไมโครพลาสติกเข้าไป ปลาเล็กกินแพลงตอน ปลาใหญ่จะกินปลาเล็ก แล้วมนุษย์ก็จะกินปลาใหญ่อีกที ในท้ายที่สุดไมโครพลาสติกจึงเข้าไปสะสมในร่างกายของมนุษย์ ทำให้เกิดอันตรายได้" เศษเล็กๆของขยะพลาสติกก่อให้เกิดปัญหามากมายกว่าขนาดตัวมันหลายเท่า เพราะไมโครพลาสติก  กำลังแพร่ขยายและปนเปื้อนไปทุกมุมโลก ไม่ใช่เพียงแค่ในสัตว์ทะเลที่ได้เผลอกลืนกินขยะพลาสติกเข้าไป  แต่มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งกรุงเวียนนา ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อมของออสเตรียพบไมโครพลาสติกเฉลี่ย 20 อนุภาคในอุจจาระทุก ๆ 10 กรัมของผู้ที่เข้าร่วมงานวิจัย นั่นหมายความว่าไมโครพลาสติกไม่ได้เพียงแค่ทำร้ายสัตว์ทะเล แต่กำลังจะทำร้ายมนุษย์เองด้วย     
(สรุปจาก https://www.posttoday.com/politic/report/483917)

หากกำลังคิดว่าถ้าหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเลก็จะหนีไมโครพลาสติกนี้พ้น นั่นคือความคิดที่ผิด เพราะตราบใดมี่ยังมีเกลือทะเล เกลือทะเลสาบ และเกลือหินซึ่งเกลือเหล่านี้ก็พบไมโครพลาสติกปนเปื้อนเช่นกัน  ดังนั้นแล้วจึงหลีกหนีไม่พ้น นี่เป็นการตอกย้ำว่าปัญหาขยะพลาสติกกำลังเป็นวิกฤตที่รุนแรงไม่น้อยไปกว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งยังไม่สามารถหนีพ้นได้  

ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน ลดการใช้พลาสติก ทิ้งขยะให้ถูกที่ รักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติที่สวยงามให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน  ทั้งนี้เพื่อความเป็นอยู่ของเราเองที่จะปลอดภัย ปราศจากโรคร้ายและภัยพิบัติที่น่ากลัว  ปัจจุบันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างร่วมมือกัน มีทั้งนโยบาย มาตรการ และการรณรงค์ที่จัดทำขึ้นเพื่อลดการใช้พลาสติก หนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ในห้างสรรพสินค้าหรือในซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มมีการจำหน่ายถุงพลาสติก ซึ่งเป็นมาตรการอย่างหนึ่งในการลดการใช้ถุงพลาสติก  รณรงค์ให้ประชาชนใช้ถุงผ้า  หากทุกคนร่วมมือกัน คิดสักนิดก่อนใช้พลาสติก เชื่อว่าปัญหาขยะทะเลจะลดลง สัตว์ทะเลจะไม่ต้องตาย สิ่งแวดล้อมจะสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวจะน่าเที่ยว ทุกอย่างนี้ล้วนสร้างขึ้นใหม่ได้ ด้วยมือของเราทุกคน

ความคิดเห็น